สาระสำคัญ


หลักการดำเนินชีวิต
.......................................................................................
โดย หลวงพ่อพล
เพิ่มเติมเนื้อความ  ๑๙ มี.ค. ๒๕๕๔
๑.  จงมีความกตัญญู
    
ถ้าใครเคยมีบุญคุณกับเราด้วยความบริสุทธิ์ใจ  เราก็จงมอบความกตัญญูที่บริสุทธิ์ตอบแทนให้กับเขาเช่นกัน
๒.  จงอย่าพูดให้ร้ายใคร
     
เพราะในความเป็นจริง คือ โลกนี้มีคนที่เป็นบัณฑิต (คนดี) ไม่มากนัก  คนส่วนมากแม้จะทำผิด เขาก็จะไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนทำผิด เขาจะคิดว่าตนเองทำถูกเสมอ ดังนั้นเมื่อเราจะมีกิจธุระต้องพูดสนทนาอะไรกับใครในแต่ละวัน จงคัดเลือกพูดแต่เฉพาะเรื่องที่ทำให้เกิดความสุข ความสามัคคีเท่านั้น จงพูดด้วยความอ่อนโยน ระรื่นหู
เรื่องอะไรที่จะทำให้เกิดความขุ่นเคืองใจ ไม่ว่าจะเป็นกับผู้ที่เราพูดด้วย หรือกับบุคคลที่สามก็ตาม จงมีสติ งดเว้นเสีย อย่าพูดเรื่องที่ให้ร้ายใครหรือกระทบใครเด็ดขาด  แม้เรื่องนั้นๆ จะเป็นเรื่องจริง และเราอยากจะพูดมากแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าพูดเพื่อเป็นการเตือนสติหรือสั่งสอนลูกหลาน ก็จงพูดแต่เพียงเนื้อหา โดยไม่เอ่ยชื่อใครให้เขาเสียหาย ถึงแม้จะไม่มีคนอื่นได้ยินก็ตาม
เมื่อมีใครทำผิดก็จงอย่าพูดตำหนิเขาทั้งต่อหน้าหรือลับหลังก็ตาม จงเลือกสองทางคือ พูดแนะนำทางที่ดีให้กับเขา หรือเงียบไม่พูดเสียเลย  เพราะเมื่อเราตำหนิเขา แม้เขาจะผิดจริง เขาก็จะโกรธเรา และเห็นเราเป็นศัตรูไปทันที  จะมีมนุษย์สักกี่คนบนโลกนี้ที่เมื่อถูกใครตักเตือนแล้วเกิดสติ ขอบคุณผู้ตักเตือนว่าเป็นผู้มอบประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ให้กับเขา
ดังนั้น จงเลือกพูดแต่คำที่พูดแล้วให้ทุกฝ่ายสบายใจเถิด  แล้วเราก็จะอยู่บนโลกใบนี้ได้โดยไม่มีศัตรู  ถึงแม้ว่าจะมีใครมากระทบกระทั่งเราก่อน เราก็จงให้อภัย และหลบหลีกไปเสีย เราจงป้องกันตัวเองจากอันตรายพอสมควร แล้วอยู่อย่างสงบ เป็นมิตรกับทุกๆ คน จงรักเมตตาทุกคน มองทุกคนเป็นเหมือนเพื่อนของเรา จงมองให้เห็นสาระที่แท้จริงของชีวิต อย่าปล่อยให้ความโกรธความเกลียดชัง มาปิดบังดวงตาดวงใจให้หม่นหมองและมืดมัวเลย...
๓.  จงอย่าเป็นคนขี้โมโห
     
คนโดยมาก มักจะเป็นคนโกรธง่าย โมโหง่าย ในขณะที่โกรธก็มักจะลืมตัวลืมตน หรือบางคนถึงกับลืมกลัวตาย กล้าที่จะทำบาปก่อกรรมให้กับตนเองก็มีมากมาย  จงอย่าลืมว่ามนุษย์เราเป็นสัตว์ชั้นสูง แตกต่างจากสัตว์โลกชนิดอื่นๆ เพราะมนุษย์เรามีจิตสำนึกที่สามารถพัฒนาไปจนถึงขั้นสูงสุดได้  แต่มนุษย์โดยมากกลับปล่อยโอกาสที่จะพัฒนาจิตของตนเองนั้นไปอย่างน่าเสียดาย  มัวแต่หลงใช้แค่เพียงสัญชาติญาณในการเอาชีวิตรอดแบบสัตว์ชนิดอื่นๆ ไปวันๆ เท่านั้น
เช่น ตั้งหน้าตั้งตาทำแต่งาน ไม่สนใจใคร หรือไม่สนใจในศาสนาหรือคำสอนทางศีลธรรม คุณธรรมใดๆ ทั้งสิ้น หรือไม่สนใจว่าใครจะเดือดร้อนเพราะการกระทำของตนเองอีกด้วย 
ความโมโหเป็นสัญชาติญาณชนิดหนึ่งในการเอาตัวรอดของมนุษย์ ที่จัดเป็นกิเลสฝ่ายยึดมั่นถือมั่นกับตัวเอง แต่มนุษย์ชั้นสูงที่รู้จักพัฒนาจิตตนเอง เมื่อเกิดความรู้สึกไม่พอใจอะไร ก็ให้รีบเกิดสติ รีบระลึกได้ว่า เรากำลังจะโกรธ  เมื่อเกิดสติขึ้นได้แบบนี้ ก็เป็นการตัดกำลังของความโมโหโกรธานั้นให้ดับไปได้  ความโกรธมีแต่โทษ ไม่มีประโยชน์อันใดเลย  เป็นโทษต่อตนเองทั้งทางกาย ทางสุขภาพและจิตใจก็เศร้าหมอง  เมื่อเห็นโทษของความโกรธได้อย่างนี้ ก็จงมีสติทุกเมื่อ หากเผลอโกรธขึ้นมาก็จงใช้สติระงับดับคลายให้หายไป
พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า การชนะคนอื่นในสงครามตั้งร้อยตั้งพัน จะประเสริฐอะไร  แต่บุคคลใดชนะตนเองได้นั่นแล ประเสริฐสุ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น